แซมซั่น กระทิงแดงยิม มีชื่อจริงว่า สมบุญ พานตะสี (ชื่อเล่น: จ่อย) เกิดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ที่ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด
แซมซั่นเคยเป็นนักมวยไทยชื่อดัง ค่าตัวเงินแสน ในชื่อ แสนเมืองน้อย ลูกเจ้าพ่อมเหศักดิ์ โดยเป็นมวยที่เดินหน้าชกบุกตะลุยตลอด ไม่มีถอยหลัง เป็นที่ถูกใจของแฟนมวยเป็นอย่างมาก โดยชื่อ "แซมซั่น" นั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่ชื่อ แต่เป็นฉายา โดยแฟนมวยตั้งให้สอดคล้องกับ "แรมโบ้" พงษ์ศิริ พ.ร่วมฤดี ซึ่งเป็นนักมวยที่ชกในรูปแบบเดียวกัน ที่ขณะนั้นอยู่ในช่วงปลายชีวิตของการชกมวยแล้ว การชกมวยไทยของแซมซั่น เคยผลัดกันแพ้-ชนะกับ วีระพล สหพรหม ชนะ แสนไกล ศิษย์ครูอ๊อด ได้ครองแชมป์แบนตั้มเวต สนามมวยเวทีลุมพินี, ชนะ หลักหิน วสันตสิทธิ์ ได้ครองแชมป์จูเนียร์แบนตั้มเวต เวทีราชดำเนิน
และในปี พ.ศ. 2537 ทาง "เสี่ยเน้า" วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ ผู้จัดการให้เบนเข็มมาชกมวยสากลอาชีพ และให้ใช้ชื่อว่าแซมซั่นไปเลยตามความคุ้นเคย เพียงแค่ 4 ครั้งเท่านั้น แซมซั่นก็ได้แชมป์โลกในรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวทของสหพันธ์มวยโลก (WBF) โดยชนะน็อกยก 3 นักมวยชาวออสเตรเลียไปอย่างง่ายดาย ซึ่งภายหลังการชก นักมวยคนนี้ได้ถูกเปิดเผยว่า ชกมวยมาเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง และอดีตเคยเป็นช่างทาสีมาก่อน
แม้จะเป็นเพียงแชมป์ของสถาบันที่ไม่มีใครยอมรับ เพราะการป้องกันแต่ละครั้งเป็นไปอย่างง่ายดาย และส่วนมากจะพบกับนักมวยฟิลิปปินส์เสมอ แต่แซมซั่นก็ได้สร้างประวัติศาสตร์หลายอย่างให้เกิดขึ้นกับวงการมวยไทยและวงการมวยโลก โดยสามารถป้องกันตำแหน่งไว้ได้ถึง 38 ครั้ง มากกว่านักมวยคนใด ๆ ในโลก ได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมายจากหลายหน่วยงานในประเทศไทย นับเป็นนักมวยที่ขึ้นป้องกันตำแหน่งเดือนต่อเดือน ในแบบที่ไม่มีนักมวยคนใดทำมาก่อน แม้จะเป็นการชกในเมืองไทยเท่านั้น แต่ก็มีบรรดาผู้ให้การสนับสนุนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น นักการเมืองท้องถิ่นหรือนักการเมืองระดับประเทศก็ตาม หรือสินค้าประเภทต่าง ๆ อย่างชนิดที่นักมวยแชมป์โลกชาวไทยในสถาบันที่มีมาตรฐานกว่ายังไม่อาจจะทำได้ และเป็นนักมวยคนหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากแฟนมวย ในการชกแต่ละครั้งจะมีผู้ชมจำนวนมาก
โดยในระหว่างนี้ แซมซั่นได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์ด้วยเรื่องหนึ่ง เป็นภาพยนตร์ทุนต่ำ ถ่ายทำเพียง 3 วันเสร็จ เป็นชีวประวัติของแซมซั่นเอง ชื่อ "แซมซั่น เลือดอีสาน" ซึ่งไม่มีการฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วไป แต่ออกฉายเป็นหนังเร่ในภาคอีสาน และออกเป็นวิดีโอในภายหลัง
แม้จะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี พ.ศ. 2541 ต้องผ่าตัดชายโครงแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคชกมวยของแซมซั่นเลย แซมซั่นยังคงเดินหน้าทำสถิติการชกต่อไป
แซมซั่น แขวนนวมในปี พ.ศ. 2544 หลังการแขวนนวม แซมซั่นมีทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน ซึ่งได้มาจากการชกมวยอย่างเดียว มีบ้านราคาเป็นล้านที่กรุงเทพฯ มีรถยนต์ราคาแพงขับ และยังมีกิจการร้านอาหารที่ จังหวัดร้อยเอ็ด บ้านเกิดอีกด้วย
ชีวิตส่วนตัว แซมซั่น สมรสกับ ชาริปดา พานตะสี ภรรยาซึ่งรับราชการเป็นตำรวจหญิง มีบุตร 1 คน เป็นหญิง
ในปลายปี พ.ศ. 2547 ในโอกาสครบ 48 ปี ของสนามมวยเวทีลุมพินี แซมซั่น ได้ชกโชว์ในแบบมวยไทยกับ "แรมโบ้" พงษ์ศิริ พ.ร่วมฤดี นักมวยต้นแบบของตนด้วย ซึ่งเรียกเสียงปรบมือฮือฮาอย่างมากจากแฟนมวยที่เข้าชม